|
|
การใช้ควอแดรท (Quadrant) เหมาะกับการหาความหนาแน่นของพืชในป่า หรือสิ่งมีชีวิตที่อยู่กับที่ หรือเคลื่อนที่ได้ช้า ควอแดรท คือพื้นที่ ที่ จะเก็บตัวอย่างนิยมทำเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส เก็บตัวอย่างมาจากหลายๆ ควอแดรทแล้วนับจำนวนทั้งหมด ค่าของควอแดรทจะถูกต้องเพียงใดขึ้นอยู่กับ
1.ทราบควอแดรทเหมาะสม (ถ้าในกิจกรรมคือควอแดทที่ควรหยุด)
2. นับจำนวนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดของแต่ละควอแดรทได้ถูกต้อง
3.
ตัวอย่างที่เก็บมาต้องเป็นตัวแทนที่แท้จริงของประชากรในพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งกระทำได้โดยการเก็บตัวอย่างแบบสุ่ม
วิธีการหาความหนาแน่นโดยการสร้างควอแดรท
1. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ได้แก่ เชือกฟาง / ไม้ปักมุม / สมุดบันทึก
2. สุ่มพื้นที่ ไปยังพื้นที่ ที่จะสำรวจ จากนั้นหาพื้นที่โดยหลับตาหรือถอยหลังเดินประมาณ 10 ก้าว (หากพื้นที่ที่จะศึกษากว้างหรือมีพื้นมากหลายตารางกิโลเมตรอาจใช้วิธีการสุ่มพื้นศึกษาแบบอื่นที่เหมาะสมกับขนาดของแต่ละพื้นที่) จากนั้นโยนไม้ไปยังพื้นที่โดย จะต้องไม่เจาะจงพื้นที่
3. เริ่มกางควอแดทขนาด 1x1 จากนั้นสำรวจจำนวน และชนิด ของพืชพร้อมบันทึกข้อมูล
4. การบันทึกข้อมูล ทำ 2 แบบไปพร้อมๆกัน
แบบที่1 เป็นการเก็บข้อมูลดิบที่นักเรียนจะต้องบันทึกทั้งชนิดของพืช และจำนวน เช่น
พื้นที่ 1x1
1. ต้นสัก จำนวน 1 ต้น
2. หญ้าคา จำนวน 10 ต้น
3. หญ้าละออง จำนวน 5 ต้น
4. ต้นลำใย จำนวน 1 ต้น
5. ต้นย่านาง จำนวน 1 เครือ
พื้นที่ 2x2
1. ต้นย่านาง จำนวน 1 ต้น
2. ต้นยาง จำนวน 1 ต้น
3. หญ้าคา จำนวน 8 ต้น
4. ต้นลำใย จำนวน 1 ต้น
5. ต้นขี้เหล็ก จำนวน 1 ต้น
**** ถ้านักเรียนไม่ทราบชนิดของต้นไม้ให้แทนด้วบสัญลักษณ์ เช่น ต้นไม้ A /หญ้า B เป็นต้น
****หากพื้นที่ใดมีจำนวนมากนับได้ยากให้ใช้การกะประมาณ เช่นหญ้าบางบริเวณมีมากอาจใช้การประมาณจำนวน
แบบที่2
พื้นที่
|
จำนวนชนิดใหม่ |
1x1 |
5 |
2x2 |
2 |
5. จากนั้นเปลี่ยนควอแดรทจาก 1x1 เป็น 2x2 , 3x3 , 4x4 , 5x5 6x6…ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆโดยก่อนจะเปลี่ยนควอแดรทแต่ละควอแดรท เช่น จาก 1x1 เป็น 2x2 นักเรียนจะต้องหลับตาเดิน หรือถอยหลังเดิน 10 ก้าว แล้วค่อยโยนไม้แล้วค่อยกางพื้นที่ 2x2 ทำย่างนี้ทุกครั้งก่อนที่จะเปลี่ยนควอแดรท
6. การหาแปลงหรือควอแดรทที่เหมาะสม ในการเพิ่มจำนวนควอแดรทนักเรียนจะทราบได้อย่างไรว่าควรหยุดเพิ่มจำนวนควอแดรทเมื่อใด ให้ดูจากการเพิ่มของจำนวนสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่เมื่อเพิ่มจำนวนควอแดรทไปเรื่อยๆพบว่าเมื่อถึงควอแดรทที่เหมาะสมจำนวนชนิดใหม่จะไม่เพิ่ม หรือนำข้อมูลจากตารางบันทึกข้อมูลในแบบที่ 2 มาเขียนกราฟ โดยแกนตั้งเป็นจำนวนชนิดของสิ่งมีชีวิตแกนนอนเป็น พื้นที่ เช่น
จากข้อมูลจำนวนแปลงที่เหมาะสมคือ 5x5
7. การวิเคราะห์ข้อมูล
7.1 การหาจำนวนสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดในพื้นที่ ทำได้โดยนำจำนวนสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดที่นับได้จนถึงควอแดรทที่เหมะสมหารด้วยจำนวนควอแดรทที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น
Ex สมมติว่า ประชากรต้นสักที่เก็บได้จากตัวอย่างควอแดรท 5 ควอแดรท คือ ควอแดรทที่ 1x1 ,2x2 ,3x3 ,4x4 ,5x5 จำนวนทั้งหมดที่นับได้ 25 ต้น
จำนวนต้นสัก = 25/5 = 5 ต้น
**ในการนับจำนวนของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดจะนับตั้งแต่ ควอแดรทที่ 1x1 ถึงควอแดรทที่เหมาะสมเท่านั้น ส่วนควอแดรทถัดไปจะไม่นำข้อมูลมาวิเคราะห์
7.2 การหาความหนาแน่นของสิ่งมีชิวิต หาได้จากนำจำนวนสิ่งมีชีวิตที่ได้หารด้วยพื้นที่ของควอแดรทที่เหมาะสม
ดังตัวอย่าง 7.1 มีประชากรต้นสัก 5 ต้น โดยควอแดรทที่เหมาะสมคือ 5x5 มีพื้นที่= 25 ตารางเมตร ดังนันความหนาแน่นของต้นสักในพื้นที่ จึงคำนาณได้ดังนี้
ความหนาแน่นของต้นสัก = 5/25 = 0.2 ต้น/ตารางเมตร
ประชากรของสิ่งมีชีวิตอื่นในควอแดนทก็คำนวณหาความหนาแน่นเช่นเดียวกัน หลังจากที่คำนวณหาความหนาแน่นเรียบร้อยแล้ว
การวิเคราะห์ผลถ้าสิ่งมีชีวิตใดมีความหนาแน่นสูงถือว่า เป็นสปีชีส์เด่นในพื้นที่ (Dominance species) ถ้าสิ่งมีชีวิตใดมีความหนาแน่นน้อยแสดงว่าเป็นสปีชีส์ด้อย (Recessive species)
*** ตัวอย่างที่นำเสนอเป็นการหาความหนาแน่นของพืชในป่า ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตหลายชนิด แต่หากสิ่งมีชีวิตที่เราศึกษาเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียว เช่น เพรียงหิน อาจสร้างควอแดรทขนาดเดิม แต่เก็บข้อมูลหลายครั้งแล้วหาค่าเฉลี่ยก็ได้
เช่น ใช้พื้นที่ 1X1 เมตร กางครั้งที่ 1 นับเพรียงเหินได้ 30 ตัว กางครั้งที่ 2 ขนาด 1X1 เท่าเดิม นับเพรียงหินได้ 28 ตัว กางคั้งที่ 3 (1x1) นับเพรียงหินได้ 21 ตัว ดังนั้นเพรียงหินบริเวณนั้นมี่ความหนาแน่น (30+28+21)/ 3 = 26.33 ตัวต่อตารางเมตร เป็นต้น
------------------------------------------------------------------------------------------------
[[:: เรียบเรียงโดย ครูนันทนา สำเภา :: โรงเรียนปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ ]]
|