|   Insurance >> ทำประกันอย่างไร? ได้ประโยชน์สูงสุด   
      
                       
ความรู้และ ข้อพึงระวังสำหรับการทำประกันในหลากหลายรูปแบบมาบอกกันเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ 
   
  ประการแรก :  
  คือเราต้อง ทราบก่อนว่าตัวเราเองต้องการผลประโยชน์แบบใดและมีความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัยได้มากน้อยเพียงใด  
  เช่น   ต้องการให้ผลประโยชน์กับบุคคลในครอบครัว   เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในกรณีที่เสียชีวิต   เราควรเลือกซื้อประกันแบบประกันชีวิตให้ความคุ้มครอง การเสียชีวิต แต่หาก   ต้องการผลประโยชน์เพื่อตนเอง   ควรเลือกซื้อแบบประกันชีวิตที่มีการจ่ายผลประโยชน์เมื่อมีชีวิตอยู่   ที่สำคัญเราต้องแน่ใจว่ารายได้ของตัวเองเพียงพอสำหรับการชำระเบี้ยประกัน  ตลอดระยะเวลาของสัญญา 
 
 
    ขั้นตอนการทำประกัน ที่ถูกต้อง : 
จันทรา   บูรณฤกษ์   เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย   (คปภ.) ให้ความรู้ว่า  ควรซื้อประกันชีวิตกับ  ตัวแทนหรือนายหน้าประกันชีวิตที่มีใบอนุญาต   ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิตต้องเข้าใจเอกสารเสนอขายว่ามีผลประโยชน์และความ  คุ้มครองตรงตามความต้องการหรือไม่ 
      
    เราควรกรอกใบคำขอเอาประกันภัยด้วยตนเอง  ตามความเป็นจริง :  
    หากให้ตัวแทนประกันชีวิตเป็นผู้กรอกข้อมูลจะต้องอ่านหรือให้บุคคลอื่นอ่าน  ให้ฟังก่อนลงลายมือชื่อ เมื่อเราชำระเบี้ย  ประกันภัยแล้วต้องได้รับใบรับเงินชั่วคราวของบริษัทจากตัวแทนประกันชีวิตและ  ตรวจสอบข้อความในใบรับเงินชั่วคราวให้ถูกต้องครบถ้วนมีลายเซ็นผู้รับเงินและ  หลังจากนั้นเรา   ต้องได้รับใบรับเบี้ยประกันภัยตัวจริงงวดแรกพร้อมกับกรมธรรม์ประกันภัย  ภาย ใน 30 วัน นับจากวันที่ลงในใบรับเงินชั่วคราว 
      
    การเซ็น  เอกสารที่เราควรระมัดระวังในจุดต่าง ๆ ดังนี้ :  
ไม่ควรเซ็นลายมือชื่อในเอกสารที่ไม่ใช่ใบคำขอเอาประกัน   และควรตรวจสอบข้อมูลในใบคำขอเอาประกันให้ตรงตามความจริงก่อนลงลายมือชื่อ  เพราะหากปรากฏภายหลังว่าข้อมูลคลาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอาจเข้า  ข่ายเป็นการแถลงเท็จหรือปกปิดความจริงมีผลอาจทำให้บริษัทปฏิเสธการจ่ายเงิน  ผลประโยชน์ตามกรมธรรม์  
      
    ถ้าหากเราตกลง  ทำประกันชีวิตแล้ว   เลขาธิการฯ คปภ.   บอกว่าเงื่อนไขสำคัญบางข้อที่ควรทราบซึ่งตัวแทนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยบอกเราคือ   กรณีที่ซื้อประกันกับตัวแทนแล้ว ผู้เอาประกันสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ภายใน   15   วันนับจากวันที่ได้รับกรมธรรม์ประกันภัยโดยจะได้รับเบี้ยคืนหลังจากหักค่า  ใช้จ่ายฉบับละ 500 บาท และค่าตรวจสุขภาพตามที่จ่ายจริง แต่หากพ้น 15   วันนับจากวันที่ผู้เอาประกันภัยรับกรมธรรม์   ผู้เอาประกันไม่สามารถขอคืนเบี้ยประกันได้เต็มจำนวน   เนื่องจากบริษัทหักค่าใช้จ่ายและค่าคุ้มครองการเสียชีวิต   ซึ่งไม่เหมือนการฝากเงินกับธนาคารที่สามารถถอนได้ตลอดเวลาโดยจะได้รับเงิน  ต้นคืนพร้อมดอกเบี้ย   กรณีที่เราซื้อประกันทางโทรศัพท์สามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ภายใน 30 วัน   และไม่ต้องเสียค่า ใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น   เพราะบางครั้งเราอาจจะซื้อประกันด้วยความเกรงใจคนขายแต่เมื่อได้รับกรมธรรม์  มาแล้วก็มีสิทธิที่จะเปลี่ยนใจยกเลิกกรมธรรม์ได้   ดังนั้นเงื่อนไขข้อนี้เราควรทราบเป็นอย่างยิ่งหากหลงใจอ่อนซื้อกรมธรรม์ไป  แล้ว 
        
     
      กลวิธีต่าง ๆ   ของตัวแทนบางรายที่พยายามโน้มน้าวให้เราซื้อประกัน ตัวอย่างเช่น   ตัวแทนจะบอกผู้สนใจทำประกันว่าการทำประกันชีวิตเหมือนการฝากเงินกับธนาคาร   สามารถถอนเงินได้ทุกเวลาที่ต้องการหรือชักจูงให้ผู้เอาประกันเลือกความคุ้ม  ครองที่มีเบี้ยประกันจำนวนเงินที่สูงและต้องชำระเบี้ยทุก ๆ ปี   ทำให้ผู้เอาประกันอาจไม่สามารถชำระได้ เพราะฉะนั้นอย่าหลงเชื่อเด็ดขาด  
     
     
    ขอบคุณที่มาดีๆจาก http://www.pattanakit.net/ 
      บทความโดย : กรวิกา คงเดชศักดา   ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552     
      
      
       |