root banner
 
 
 

๐ โครงสร้างหน้าที่ของพืชดอก

    :: เนื้อเยื่อพืช
    :: เนื้อเยื่อเจริญ
    :: เนื้อเยื่อถาวร

อวัยวะและหน้าที่ของอวัยวะของพืช 

    :: โครงสร้างและหน้าที่ของราก
         >> โครงสร้างของราก    
         >> การเจริญขั้นที่สองของราก
         >> ประเภทของราก
    :: โครงสร้างและหน้าที่ของลำต้น
         >> โครงสร้างของลำต้น
         >>  ประเภทของลำต้น
         >> การเจริญขั้นที่สองของลำต้น  
    :: โครงสร้างและหน้าที่ของใบ

การแลกเปลี่ยนก๊าซและการคายน้ำของพืช

๐ การลำเลียงน้ำของพืช

๐ การลำเลียงสารอาหารของพืช

๐ การลำเลียงอาหารของพืช
    :: การเคลื่อนย้ายอาหารในพืช
    :: กระบวนการลำเลียงอาหาร

เฉลยคำถามท้ายบท

กลับหน้าหลัก

 

 

ประเภทของราก

          รากแบ่งตามกำเนิดของรากแบ่งได้เป็น 3 ประเภท
          1. รากแก้ว (Tap root )
          2. รากแขนง (Lateral root)
          3. รากวิสามัญ หรือรากพิเศษ (Adventitious root)

          1. รากแก้ว ( Tap root) หรือรากปฐมภูมิ (Primary root)
          มีลักษณะ ตอนโคนจะโตแล้วค่อยเรียวเล็กลงไปจนถึงปลาย จะยาวและใหญ่กว่ารากอื่นๆที่แยกออกไป ทำหน้าที่
เป็นหลักรับส่วนอื่นๆให้ทรงตัวอยู่ได้รากชนิดนี้พบในพืชใบเลี้ยงคู่ที่งอกออกจากเมล็ดโดยปกติส่วนพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
ที่งอกออกจากเมล็ดใหม่ๆก็มีรากระบบนี้เหมือนกันแต่มีอายุได้ไม่นานก็เน่าเปื่อยไปแล้วเกิดรากชนิดใหม่ขึ้นมาแทน
คือ รากฝอย (Fibrous root)

root tap

ภาพ รากแก้ว ( tap root)

           2. รากแขนง(lateral root หรือ branch root หรือ Secondary root) 
           เป็นรากที่เจริญเติบโตออกมาจาก รากแก้ว มักงอกเอียงลงไปในดินจนเกือบขนานหรือขนานไปกับพื้นดิน รากชนิดนี้อาจแตกแขนงออกเป็นทอดๆ ได้อีกเรื่อยๆ ทั้งรากแขนงและแขนงต่างๆที่ยื่นออกไปเป็นทอดๆต่างกำเนิดมาจากเนื้อเยื่อเพริไซเคิลในรากเดิมทั้งสิ้น

รากแขนง

ภาพ รากแขนง


root

ภาพ การเกิดรากแขนง

          3. รากวิสามัญ หรือรากพิเศษ (Adventitious root)
          เป็นรากที่ไม่ได้กำเนิดมาจากรากแก้วหรือรากแขนง รากชนิดนี้อาจแตกออกจากโคนต้นของพืช ตามข้อของลำต้นหรือกิ่ง ตามใบหรือจากกิ่งตอนของไม้ผลทุกชนิด แยกเป็นชนิดย่อยได้ตามรูปร่างและหน้าที่ ได้ดังนี้

3.1 รากฝอย ( fibrous root )
3.2 รากค้ำจุน (Prop root)
3.3 รากเกาะ (Climbing root)
3.4 รากสังเคราะห์แสง (Photosynthetic root)
3.5 รากหายใจ (Respiratory root)
3.6 รากกาฝาก (Parasitic root)
3.7 รากสะสมอาหาร ( storage root)

        3.1 รากฝอย (fibrous root) 
        เป็นรากเส้นเล็กๆมากมาย ขนาดโตสม่ำเสมอกันไม่ไม่เรียวลงที่ปลายอย่างรากแก้ว งอกออกจากรอบโคนต้นแทนรากแก้วที่ฝ่อเสียไปหรือที่หยุดเตอบโต พบในพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่

รากฝอย

ภาพ รากฝอย

      3.2 รากค้ำจุ้น (Prop root) 
      เป็นรากที่แตกออกมาจากข้อของลำต้น ที่อยู่ใต้ดิน และเหนือดินขึ้นมาเล็กน้อย และพุ่งแทงลงไปในดิน เพื่อพยุงลำต้นเอาไว้ไม่ให้ล้มง่าย เช่น รากค้ำจุนของต้นข้าวโพด , ต้นลำเจียก , ต้นโกงกาง

root

ภาพ รากค้ำจุ้น


ลำเจียก

ภาพ รากค้ำจุนของต้นลำเจียก


root

ภาพ รากค้ำจุนของโกงกาง

         3.3 รากเกาะ (Climbing root) 
         เป็นรากที่แตกออกมาจากข้อของลำต้นแล้วมาเกาะตามหลักหรือเสา เพื่อพยุงลำต้นให้ติดแน่นและชูลำต้นขึ้นที่สูง เช่น รากของพลู , พลูด่าง , กล้วยไม้ 

root

ภาพ รากเกาะ

 

ภาพ รากเกาะของพริกไทย

         3.4 รากสังเคราะห์แสง (photosynthtic root) 
         เป็นรากที่แตกออกมาจากข้อของลำต้น แล้วห้อยลงมาในอากาศ มีสีเขียวของคลอโรฟิล  เป็นรากที่ทำหน้าที่สังเคราะห์แสง เช่น รากกล้วยไม้ที่มีสีเขียวเฉพาะรากอ่อน หรือปลายรากที่แก่เท่านั้น รากของไทร โกงกาง มีสีเขียวเฉพาะตรงที่ห้อยอยู่ในอากาศ ส่วนที่ไซลงไปในดินแล้วไม่มีสีเขียวเลย 

ภาพ รากสังเคราะห์แสงของกล้วยไม้

      3.5 รากหายใจ (Respiratory root)
      รากพวกนี้เป็นแขนงงอกออกจากรากใหญ่ที่แทงลงไปในดินอีกทีหนึ่ง แต่แทนที่จะงอกลงไปในดิน กับ ชูปลายขึ้นมาเหนือดินหรือผิวน้ำ บางทีก็ลอยตามผิวน้ำ เช่นรากของแพงพวยน้ำ

รากหายใจ

ภาพ รากหายใจ


แพงพวยน้ำ รากหายใจ

ภาพ แพงพวยน้ำ

ภาพ รากหายใจของแพงพวยน้ำ

3.6 รากกาฝาก (Parasitic root) 
      เป็นรากของพืชบางชนิดที่เป็นปรสิต เช่นรากของต้นกาฝาก และต้นฝอยทอง

กาฝาก

ภาพ รากกาฝากของต้นกาฝาก


ภาพ ต้นฝอยทองซึ่งมีรากเป็นรากกาฝาก

  3.7 รากสะสมอาหาร (storage root) 
        เป็นรากที่ทำหน้าที่ในการสะสมอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล หรือ โปรตีนเอาไว้ ทำให้มีลักษณะอวบอ้วนเรามักเรียกว่า หัว เช่น หัวแครอต หัวผักกาด หัวมันเทศ หัวมันแกว มันสำปะหลัง กระชาย เป็นต้น รากสะสมอาหารของพืช อาจเกิดจากรากแก้วสะสมอาหาร

ภาพ รากสะสมอาหาร

 

 


จัดทำโดย
ครูนันทนา สำเภา โรงเรียนปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ