การทำโยเกิร์ตนมโรงเรียน

เลือกหัวข้อศึกษา

๐ การทำโยเกิร์ตจากนมโรงเรียน

         จากการศึกษา และลงมือทำโยเกิร์ตของแอดมิน หลายต่อหลายครั้ง และดูขั้นตอนการทำมาจากยูทูปหลายช่อง แอดมินขอเลือก สูตรในการทำโยเกิร์ตสูตรนี้มาฝาก เป็นสูตรการทำโยเกิร์ตนมโรงเรียนแบบต้ม เพราะปลอดภัยต่อการบริโภคมากกว่าสูตรไม่ต้ม จริงๆแล้วนมที่เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น นมสดพาสเจอร์ไรส์ หรือนม UHT ที่กระบวนการผลิตผ่านความร้อน กว่า 133 องศาเซลเซียส มีการทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนมากับน้ำนมไปบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อนำมาบรรจุภัณฑ์ บวกกับระยะเวลาในการเก็บรักษา ก็อาจจะมีจุลินทรีย์ หรือสปอร์จุลินทรีย์ ที่หลงเหลืออยู่ในน้ำนม ดังนั้นก่อนการทำโยเกิร์ตเราก็ควรทำการต้มนม ขั้นต่ำในลักษณะการพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งมี 2 แบบ

         ๐ พาสเจอร์ไรส์ ที่อุณหภูมิ 62.8 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที
         ๐ พาสเจอร์ไรส์ ที่อุณหภูมิ 77 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 วินาที

ในการทำครั้งนี้เราก็อาจมีการประยุกต์ การทำลายจุลินทรีย์ปนเปื้อนในน้ำนมให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่มีในครัวเรือน

๐ ส่วนผสมสำคัญในการทำโยเกิร์ต

         1. นมโรงเรียน (นมUHT) 2 กล่อง ปริมาตร 400 ml
         2. หัวเชื้อจุลินทรีย์จากโยเกิร์ต => (การเลือกจุนทรีย์ในโยเกิร์ตที่มีในท้องตลาด)

นมโรงเรียน	หัวเชื้อจุลินทรีย์จากโยเกิร์ต

๐ ขั้นตอนการทำโยเกิร์ต

        1. เทนมโรงเรียน 2 กล่องลงในหม้อต้ม
        2.เปิดไฟอ่อน คนนมในหม้อต้มอย่างต่อเนื่องประมาณ 5 นาที อย่าให้หม้อเดือดจะทำให้นมแตกมัน
        3.ตั้งหม้อที่ผ่านการต้มนมให้นมเย็นตัว ใช้ช้อนตักเทนมลงปลายนิ้ว สัมผัสน้ำนมมีความอุ่นเล็กน้อย ถ้านมร้อนมากอาจทำให้จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตไม่เติบโต
        4. ตักผิวด้านบนของน้ำนมที่ผ่านการต้มออกก่อน

นมที่ผ่านการต้ม	การตักผิวด้านบนของนม

         5. เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์โยเกิร์ตลงในน้ำนมที่ผ่านการต้ม โดยอัตราส่วนในการเติมขึ้นกับความต้องการบริโภค หากต้องการให้เกิดโยเกิร์ตเร็วก็เติมหัวเชื้อลงไปมาก หรือถ้าเป็นในช่วงฤดูหนาวการเติบโตของจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตจะเติบโตได้ช้าก็ควรเติมหัวเชื้อลงไปมากหน่อย ช่วงที่แอดมินทำโยเกิร์ตเป็นช่วงเดือน ปลายเดือนกันยายน อากาศไม่ร้อนมาก แอดมินใช้เวลาหมักประมาณ 8 ชั่วโมงคือทำตอนเย็น กินได้ในตอนเช้า แอดมิน ใช้หัวเชื้อโยเกิร์ต 3 ช้อน สำหรับนม UHT 200 ml จำนวน 2 กล่อง การใช้หัวเชื้อในการทำโยเกิร์ต หลังจากเปิดกล่องแล้วควรใช้ให้หมดในครั้งเดียว ไม่ควรเก็บไว้แล้วนำมาเพาะเชื้อช้ำอีก เพราะหลังการเปิดบรรจุภัณฑ์อาจมีการปนเปื้อนและจุลินทรีย์ชนิดอื่นเติบโตร่วมด้วย ปลอดภัยไว้ก่อนคะ

นมที่ผ่านการต้มและหัวเชื้อ	การเติมหัวเชื้อลงในนม

         6. ตักส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงในภาชนะ อาจจะเป็น ถ้วยพลาสติกทนร้อนมีผาปิด จะได้โยเกิรต์หลายถ้วย หรืออาจจะเททั้งหมดลงในกล่องเก็บอาหารที่มีฝาปิดก็ได้ ภาชนะที่ใช้ในการทำโยเกิร์ต ควรเป็นภาชนะใหม่ และควรใช้ครั้งเดียว แต่ถ้าหากจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องใช้ช้ำ ควรฆ่าเชื้อด้วยความร้อน อาจจะเป็นการนึ่ง หรือการต้ม แล้วแต่ความสามารถในการทนร้อนของภาชนะแต่ละชนิด เพราะอาจจะมีเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ในภาชนะแม้ว่า เราจะนำภาชนะเหล่านั้นไปล้างทำความสะอาดแล้วก็ตาม

         7. วางภาชนะที่มีนมและหัวเชื้อที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรนำเข้าแช่ตู้เย็น วางทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง ก็จะได้โยเกิร์ตพร้อมรับประทาน

โยเกิร์ต	โยเกิร์ต

         8. แบ่งมารับประทาน แต่งกลิ่นรสชาติตามใจชอบ

         9. นำส่วนที่เหลือแช่เก็บไว้ในตูเย็น แต่ ไม่ควรแช่ในช่องแช่แข็ง

        10. การแบ่งรับประทานช้อนที่ใช้ตักก็ควรเป็นช้อนที่สะอาด หาก ทานไม่หมด ก็ควรเก็บโยเกิร์ตไว้ในตู้เย็น ความเปรี้ยวของโยเกิร์ตจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากการเติบโตของจุลินทรีย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากนำโยเกิร์ตไปอุ่นหรือต้มให้เดือด จะทำให้รสชาติของโยเกิร์ตเปลี่ยนไป นมแยกชั้นเนื้อสัมผัสไม่นุ่มสากลิ้น ไม่ควรเก็บไว้เกิน 3-4 วันนะคะ ถ้า เก็บไว้นานก็ควรทิ้งไมควร่นำมารับประทานต่อนะคะ

        แอดมินหวังว่าวิธีการทำโยเกิร์ตจากนมโรงเรียนที่แอดมินเอามาฝาก จะช่วยลดค่าใช้จ่ายและนำสิ่งใกล้ตัวมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์โดยเฉพาะครัวเรือนที่มีเด็กเล็กหลายคน ได้รับแจกนมโรงเรียน มาเยอะ...แต่สูตรนี้แอดมินไม่แนะนำให้เด็กเล็กบริโภค เพราะจุลินทรีย์มีชีวิตที่เราเพราะได้ มีปริมาณจุลินทรีย์และความเป็นกรดที่หมักได้ในแต่ละครั้งไม่เท่ากัน ...เอาเป็นว่าสูตรนี้เหมาะกับผู้ใหญ่ ไม่เหมาะกับเด็กๆคะ...

โยเกิร์ต	เนื้อโยเกิร์ต

เรื่องโดย
ครูนันทนา สำเภา
Admin NaNa-Bio.com
1 ตุลาคม 2564