การทำโยเกิร์ตนมโรงเรียน

เลือกหัวข้อศึกษา

๐ สายพันธุ์จุลินทรีย์ในโยเกิร์ต

๐ การเลือกนมในการทำโยเกิร์ต

๐ การทำโยเกิร์ตจากนมโรงเรียน

๐ โยเกิร์ตนมโรงเรียน แบบต้ม กับ แบบไม่ต้ม

๐ โยเกิร์ตนมโรงเรียน กับ โยเกิร์ตนมสด

๐ การแต่งรสชาติโยเกิร์ต

๐ แหล่งอ้างอิง

 

โยเกิร์ตนมโรงเรียนแบบต้ม กับ แบบไม่ต้ม

         จากการหาข้อมูลในการทำโยเกิร์ต จากหลายช่องยูทูป พบว่า มีการทำโยเกิร์ตทานเอง ในสูตรที่แตกต่างบางช่องใช้นม UHT ในการทำ บางช่องใช้นมสดพาสเจอร์ไรซ์ ในการทำ บางสูตรมีการต้มนมก่อนเติมหัวเชื้อ บางสูตรไม่ต้ม ตรงนี้แอดมินก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า โยเกิร์ต นม แบบต้มกับแบบไม่ต้ม จะแตกต่างกันอย่างไร เพราะถ้าหากต้มนมแล้วคุณภาพ ทั้งสีสัน รสชาติ และเนื้อโยเกิร์ต ไม่แตกต่างกับแบบไม่ต้ม เราก็ควร ต้มนมก่อนเติมหัวเชื้อ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ลดโอกาสที่เชื้อชนิดอื่นที่เป็นอันตราย จะเติบโตร่วมกับจุลินทรีย์ในโยเกิร์ต

          วันนี้แอดมินจะลองเปรียบเทียบการทำโยเกิร์ตจากนม UHT แบบต้ม กับแบบไม่ต้ม
แอดมินเลือกใช้นมโรงเรียน ซึ่งเป็นนม UHT ขั้นตอนการทำโดยละเอียดให้ดูจากหัวข้อการทำโยเกิร์ตจากนมโรงเรียน จะขอเล่าขั้นตอนในการทำโยเกิร์ตจากนมแบบต้ม กับนมที่ไม่ต้มให้ฟั่งโดยคร่าวๆนะคะ

แบบไม่ต้ม::

         ใช้นม โรงเรียน (นม UHT) ปริมาตร 200 ml จำนวน 2 กล่อง รวมปริมาตรเป็น 400 ml เทนมลงในหม้อผสม เปิดไฟปานกลาง คนนมในหม้อไปด้วย ให้นมอุ่นเล็กน้อย ทดสอบโดยตักนมเทลงปลายนิ้ว ครั้งนี้แอดมินใช้เตาแก๊สในการอุ่นนมนะคะ จากนั้นเติมหัวเชื้อลงไป 2 ช้อน พักเก็บไว้ ที่อุณภูมิห้อง 8 ชั่วโมงขึ้นไป แล้วดูผลคะ

แบบต้ม::

         ใช้นมโรงเรียน (นม UHT) ปริมาตร 200 ml จำนวน 2 กล่อง รวมปริมาตรเป็น 400 ml เทนมลงในหม้อผสม เปิดไฟอ่อนคนนมในหม้อไปด้วยประมาณ 5 นาที สังเกตฟองอากาศที่เดือดข้างหม้อเล็กน้อย อย่าให้หม้อเดือดแรงจะทำให้นมแตกมัน จากนั้นเติมหัวเชื้อลงไป 2 ช้อน พักเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง 8 ชั่วโมง ขึ้นไป แล้วดูผลคะ

เตรียมนมก่อนเติมหัวเชื้อ

 

เติมหัวเชื้อ
เติมหัวเชื้อ

 

โยเกิร์ตที่หมักได้ แบบต้มจะมีหยดน้ำจากภาชนะปิดหยดลงไปเยอะกว่าแบบไม่ต้ม

เนื้อโยเกิร์ตจากนมโรงเรียนแบบต้ม

เนื้อโยเกิร์ตจากนมโรงเรียนแบบไม่ต้ม

 

      ดูข้อมูลจากภาพกันแล้วใช่ไหมคะ เป็นอย่างไรกันบ้าง มาดูผลการวิเคราะห์ของแอดมินกันคะ

ข้อแตกต่างที่พบ
๐ โยเกิร์ตจากนมแบบต้ม จะมีหยดน้ำจากฝาปิดลงบนเนื้อโยเกิร์ตเยอะกว่าแบบไม่ต้ม อาจเป็นเรื่องของความร้อนในนมสูงกว่าแบบไม่ต้มทำให้เกิดไอน้ำไปเกาะที่ฝาปิดมากกว่าแบบไม่ต้มคะ ตัวนี้แอดมินใช้พลาสติกใสห่อปิดด้านบนนะคะ การเลือกภาชนะและผาปิดที่ระบายอากาศได้บ้างอาจช่วยลดปัญหานี้ได้นะคะ
๐ โยเกิร์ตจากนมแบบไม่ต้ม มีหยดน้ำหล่นลงบนเนื้อโยเกิร์ตน้อยกว่า

เนื้อ และ สีของโยเกิร์ต
๐ เนื้อและสีของโยเกิร์ต จากนมแบบต้มและแบบไม่ต้ม จะเหมือนกันไม่แตกต่าง

รสชาติ
๐ รสชาติ ของโยเกิร์ต จากนมแบบต้มและแบบไม่ต้ม จะเหมือนกันไม่แตกต่างทั้งความเปรี้ยว และกลิ่น แสดงว่ามีการเติบโตของเชื้อในน้ำนมที่ใช้หมัก

คะจากข้อมูลการลงมือทำโยเกิร์ตของแอดมิน แอดมินมองว่าโยเกิร์ตจากนมโรงเรียนที่ทำขึ้นมาใน 2 สูตรทั้งแบบต้มนม และแบบไม่ต้มนม ให้ผลไม่แตกต่างกัน แต่ถ้าคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดควรเลือกการต้มนมก่อนนำมาหมักโยเกิร์ตเพราะลดโอกาสการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายได้มากกว่า พบสิ่งดีขอบอกต่อ คะ ...

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องโดย
ครูนันทนา สำเภา
Admin NaNa-Bio.com
11 ตุลาคม 2564

 

๐ บทความที่น่าสนใจ ๐

[ การทำเส้นก๊วยจั๊บญวน ]

[ แก้ปัญหานอนไม่หลับโดยไม่ต้องพึ่งยา ]

[ลงทุนกับกองทุน LTF ช่วยลดหย่อนภาษี]

[กฏเหล็กของคนที่อยากผอมด้วยมะนาว]

[พลังแห่งความคิด]

[ความสุข]

[สรรหามาฝากว่าด้วยคนมีเสน่ห์]

๐ [ความรู้เกี่ยวกับแป้ง]

๐ [ พุดดิ้งนมโรงเรียน ]

 

 

๐ [ภาพมายา]

๐ [ทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างไรให้สนุก]

๐ [เมนูแนะนำจากต้นอ่อนทานตะวันงอก]

๐ [กลับหน้าหลักนานาสาระ]

[ โยเกิร์ตนมโรงเรียน ]

[กลับหน้าหลักนานาไบโอ]