ไฟลัมเฮปาโทไฟตา
ไฟลัมแอนโทซีโรไฟตา
ไฟลัมไบรโอไฟตา
ประโยชน์ของพืชไม่มีท่อลำเลียง
๐ไฟลัมไลโคไฟตา
๐ไฟลัมเทอโรไฟตา
๐ ประโยชน์ของพืชมีท่อลำเลียงไร้เมล็ด
๐ พืชเมล็ดเปลือย
< ไฟลัมไซแคโดไฟตา
< ไฟลัมกิงโกไฟตา
< ไฟลัมโคนิเฟอโรไฟตา
< ไฟลัมนีโทไฟตา
๐ พืชมีดอก (ไฟลัมแอนโทไฟตา)
----------------------๐๐๐--------------------
๐ พันธมิตร ๐
|
|
ไฟลัมกิงโกไฟตา (Phylum Ginkgophyta)
พืชกลุ่มนี้ได้แก่ แปะก๊วย (Ginkgo biloba ) หรือที่เรียกว่า Maldenhair tree จัดเป็น
Living fossil อีกชนิดหนึ่งพบได้ตั้งแต่ยุค Permian ปัจจุบันมีเพียงสปีชีส์เดียว คือ
Ginkgo biloba Linn. มีชื่อสามัญว่าแปะก๊วย พบเป็นพืชพื้นเมืองในจีน และญี่ปุ่น และเจริญ แพร่พันธุ์เข้าสู่ยุโรปและอเมริกาในบริเวณอบอุ่นถึงหนาว พืชในกลุ่มนี้เป็นพืชขนาดใหญ่สูงถึง 100 ฟุต มีกิ่งก้านสาขา เนื้อไม้ไม่มีเวสเซล (Vessel) มัดท่อลำเลียงน้ำมีเทรคีต ใบเป็นใบเดี่ยวรูปพัดที่ยอดของปลายใบมักเว้าลึกเข้ามาในตัวแผ่นใบ ทำให้ดูเหมือนตัวแผ่นใบแยกเป็น 2 ส่วน (Bifid) เส้นใบเห็นชัดว่ามีการแยกสาขาแบบแยกเป็น 2 แฉก (Dichotomous) แต่จะไม่เป็นร่างแห ใบติดกับกิ่งแบบสลับ จัดเป็นไม้ต้นขนาดใหญ่และผลัดใบ มีต้นแยกเพศกัน ต้นเพศผู้สร้างโคนเพศผู้เป็นกลุ่มแบบหลวมๆ บนปลายกิ่งสั้น และต้นเพศเมียสร้างโคนเพศเมียซึ่งมีออวุลติดอยู่บนก้านชูออวูลบนกิ่ง ก้านละ 2 ออวุล แต่จะมีเพียง 1 ออวุล เท่านั้น ที่เจริญไปเป็นเมล็ด
 |
 |
ภาพที่ 21 แสดงลักษณะใบของแปะก๊วย
(ที่มา: http://www.herbs.org/greenpapers/ginkgo.jpg) |
กิ่งบนลำต้นจะมี 2 ชนิดคือ กิ่งยาว (Long shoot) เป็นกิ่งที่มีใบธรรมดาไม่มีการสร้างอวัยวะที่ใช้ในการสืบพันธุ์ ส่วนกิ่งอีกชนิดหนึ่งคือ กิ่งสั้น (Spur shoot) จะเป็นกิ่งสั้น ๆ มีใบติดอยู่เป็นกลุ่ม และมีการสร้างอวัยวะที่ใช้ในการสืบพันธุ์คือ อวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้เกิดบนช่องสโตรบิลัสเพศผู้ และอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียเกิดบนช่องสโตรบิลัสเพศเมีย ซึ่ง สโตรบิลัสทั้งสองชนิดนี้จะเกิดอยู่คนละต้นกันจึงแยกเป็นต้นเพศผู้และต้นเพศเมีย สโตรบิลัสเพศผู้มีลักษณะเป็นช่อยาวแบบแคทกิน ไม่มีแบรค บนช่อจะมีใบสปอโรฟิลจำนวนมาก ซึ่งแต่ละใบเปลี่ยนแปลงไปมีลักษณะเป็นก้านชูที่ปลายก้านมีอับสปอร์เพศผู้ 2 อับติดอยู่ ส่วนสโตรบิลัสเพศเมียมีลักษณะเป็นก้านยาว ปลายสุดเห็นออวุลติดอยู่ 2 อัน ซึ่งมักจะเป็นหมันเสีย 1 อัน เมื่อออวุลนี้ได้รับการผสมก็จะเจริญเป็นเมล็ด มีลักษณะคล้ายผล เพราะภายนอกมีเนื้อนุ่ม ต้นอ่อนภายในเมล็ดมีใบเลี้ยง 2 ใบ
 |
 |
(ก) |
(ข) |
ภาพที่ 22 แสดงโคนของต้นตัวผู้และต้นตัวเมีย (ก) โคนของต้นตัวผู้ (ข) โคนของต้นตัวเมีย
(ก) (ที่มา: http://www.biogang.net/upload_img/biodiversity/biodiversity)
(ข) (ที่มา: http://www.bloggang.com/data/f/fasaiwonmai/picture) |
|